ตอนที่ 3: ใช้ชีวิตต่อไปเมื่อองศาคอเปลี่ยน
- AmpAmp
- Mar 29, 2017
- 2 min read
ทีนี้เมื่อออกจากโรงพยาบาลและกลับมารักษาตัวที่บ้านนั้น สิ่งที่คุยกับคุณหมอไว้คือเราจะต้องทำกายภาพบำบัด เหมือนกับที่ได้ทำที่แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ รพ.ศิริราชฯ แต่เพื่อความสะดวกเพราะไม่สามารถตั้งคอได้นานจึงต้องมาทำกายภาพที่โรงพยาบาลเปาโลรังสิต ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน
จะเล่าถึงการทำกายภาพบำบัดของเรา ซึ่งถือว่าทำเยอะมากๆ คือ ทำทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตยใช่ค่ะทำกายภาพกล้ามเนื้อคอ 6 วันต่อสัปดาห์ สรุปเป็นการเปิดปีใหม่ 2560 ที่ไม่รู้สึกว่ามีปีใหม่กับเค้าเลย เรื่องกายภาพบำบัดนี่ เราทำตั้งแต่วันที่เราได้แอทมิทที่รพ.ศิริราชปิยะมหาราชการุณย์ คือวันที่ 4 มกราคม จนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
ถามว่าทำไมต้องกายภาพเยอะแบบนี้ ตอบก็คือมันไม่มีแรงเลย คอตั้งได้ไม่เกิน 2 นาทีก็ร้าวเจ็บที่บ่า สะบัก ต้นคอ หัวไหล่ แขน ข้อมือซ้าย นิ้วมือชา คือใช้ชีวิตปกติไม่ได้ แขนไม่มีแรง คือจะทำอะไรต้องทำให้เสร็จภายใน 3-5 นาที เพื่อลดอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ซึ่งการทำกายภาพก็ได้เล่าไปก่อนหน้าแล้วว่าเราใช้เวลาในการทำแต่ละครั้งก็ประมาณ 40-60 นาที ซึ่งถ้าถามเรา การดึงคอ neck traction ก็ถือว่าได้ผลดี แต่ทีนี้ก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแล และคำนวนน้ำหนักในการดึงคอที่เหมาะสม สำหรับเราใช้น้ำหนักดึงคอที่ 7 กิโล เพราะจำได้ว่ามีครั้งนึง มีการลองใช้น้ำหนักที่ดึงคอมากขึ้น จำได้ว่าด้านในปากเป็นแผลเยอะเลยเพราะมันรั้งทั้งศรีษะและมีที่รัดที่คางทำให้ฟันไปสบกับเนื้อในปากทำให้เป็นแผล เพราะฉะนั้นผู้ป่วยเวลาทำกายภาพ ถ้ารู้สึกไม่สบายตัวให้กดออดเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อจะเปลี่ยนแปลงการทำกายภาพได้ทันค่ะ
อยากจะเล่าเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่คิดว่าจะมีอาการป่วยหมอนรองกระดูกที่คอเสื่อม/ทับเส้นประสาท คือ อันนี้เป็นที่อาการส่วนตัวที่เกิดขึ้นและเราปรับใช้ในชีวิตประจำวันนะคะ
คุณต้องไม่ก้มหน้า หรือเงยหน้าไปมา เพราะมันจะยิ่งอักเสบ
คุณต้องกายบริหารยืดกล้ามเนื้อตามที่นักกายภาพออกแบบให้กับคุณ
คุณต้องอย่าใช้ smartphone หรือถ้าจะใช้คุณต้องเลือกท่าที่เหมาะกับสรีระและไม่ก้มหน้าจนเกินไป

ชอบภาพนี้มากอธิบายเห็นชัด ว่าถ้าเราก้มๆๆๆเล่นโทรศัทพ์ ตอบไลน์ลูกค้า ส่งอีเมลล์หานาย หรือเล่นเฟสบุค เมื่อเราก้มดูโทรศัพท์มือถือเรานั้น จะทำให้กระดูกคอเรารับน้ำหนักสาหัสถึง 27 กิโลกรัม (พระเจ้าช่วยกล้วยทอด แคว๊กๆๆๆ)
ขอบคุณเวปไซต์ http://www.absolute-health.org/thai/article-th-065.htm
ห้ามแปรงฟันที่อ่างล้างมือ เพราะคุณต้องก้มคอ จำไว้ เค้าเอาไว้ล้างมือ
เลือกหมอนนอนที่ต่ำและรับกับร่องคอของคุณ (ปัจจุบันมีหมอนดีๆที่จะมารับต้นคอคุณมากมายเชิญเลือกซื้อเลยฮ่ะ) ส่วนตัวตกหลุมรักหมอนเมมโมรี่โฟมไปแล้ว เพราะรับคอทำให้ไม่เจ็บเวลานอน แถมยังช่วยรับให้เข้ากับ curve ของคอเราได้ด้วย(อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัว) จริงๆก่อนป่วยไม่ชอบหมอนประเภทนี้ แต่พอป่วยรู้เลยว่าหมอนแบบนี้ดีกับเรามากๆที่สุด

ทีนอน อันนี้สำคัญเช่นกัน คือคุณอย่านอนที่นอนที่มันนิ่มมากไปนะคะ เพราะการที่คุณนอนที่นอนนิ่มมากๆ กระดูกหลังคุณก็จะเสียรูปและอาจมีการเจ็บป่วยตามมาได้ เตียงที่เป็นยางพาราก็น่าสนใจและราคาไม่แพงมาก
โซฟา เก้าอี้ที่คุณมีอยู่ที่บ้าน คุณต้องเชคด้วยว่าตัวไหนใช้ได้ดีหรือไม่ เพราะคุณไม่ควรนั่งเก้าอี้ที่จะทำให้คุณป่วย (เช่นฟองน้ำยุบ พนักที่พิงไม่รับกับศรีษะ) ตรวจเช็คกันหน่อยนะคะ
ที่สำคัญคนที่ดูแลใกล้ชิดต้องไม่ซ้ำเติมและให้กำลังใจ อันนี้ขอเสริมเนื่องจากว่าได้ไปทำกายภาพที่โรงพยาบาล และเค้าชมสามีเราว่าสามีพี่อารมณ์ดีจัง ญาติบางคนเค้าไม่เป็นอย่างนี้นะครับ ญาติบางคนจะว่าผู้ป่วยด้วยว่าไม่ดูแลตัวเองและบ่นๆๆว่าผู้ป่วย เพราะฉะนั้นจงเข้าใจผู้ป่วยนะคะ เพราะที่เค้าป่วย เค้าก็ทุกข์มากอยู่แล้วจริงๆค่ะ กำลังใจจากคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะมาเยี่ยม หรือส่งข้อความ ก็ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเดียวดายค่ะ อันนี้ก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆทุกคนที่ถามไถ่อาการป่วยที่ผ่านมา แต่ก็ต้องขอโทษด้วยเพราะแขนเราไม่มีแรงมาถือ smartphone และนั่งตอนข้อความของทุกคนได้ตลอดเวลา เป็นไปได้ควรโทรหานะคะ เพราะเปิด speaker คุยกันได้ค่ะ

ถามว่าช่วงชีวิตระหว่างนี้เราเป็นยังงัย ก็บอกได้เลยว่าลำบากสุดๆ นอนราบอยู่บนเตียงเกือบทั้งเดือน เป็นภาระให้กับคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก หิ้วจับอะไรเองไม่ได้เพราะแขนไม่มีแรง แม้กระทั่งอาบน้ำทานข้าว เราสามารถเดินได้ แต่คอเราไม่สามารถตั้งได้นานเกิน 5นาที นั่นทำให้เวลาจะทำอะไรก็ต้องทำแบบรวดเร็ว ทานข้าวก็ต้องรีบๆทาน หลังๆนี่ทานนมกล่องละ เพราะทานอะไรก็ไม่อร่อย คงจ๋อยด้วยเพราะเกิดมาก็ไม่เคยนอนติดเตียงนานขนาดนี้ ทีวีก็นั่งดูไม่ได้ เพราะถ้านั่งจะเจ็บร้าวกล้ามเนื้อหลังและบ่าทั้งหมด ทำให้มีอาการเกร็งเจ็บเข้าไปอีก ส่วนใหญ่ก็นอนฟังเพลงไป
ช่วงเวลานี้บอกเลยว่าคนข้างๆสำคัญมากๆ เพื่อนฝูงที่รักหลายคนมาเยี่ยมเยียน มีวันนึงนอนฟังและมีคำพูดที่ว่า “สุขภาพที่ดีเป็นหน้าที่รับผิดชอบของตัวเราเอง ส่วนสุขภาพไม่ดีจะเป็นภาระของผู้อื่น” เชื่อมั้ยฟังจบร้องไห้เลย สรุปเล่าให้สามีฟังในประโยคดังกล่าว สามีบอกว่า “แล้วรู้ไหมสามี ภรรยา เค้ามีไว้ทำไมกัน” โฮ ร้องไห้หนักเข้าไปอีก ฮือๆๆ ซาบซึ้งสามีมากกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว)
คือมันจริงเพราะรู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นภาระ กะแค่ลงไปทานข้าวข้างล่างบ้านตัวเองยังไม่มีปัญญาเดินลงไป ส่วนอาบน้ำนี่ 3 นาทีเสร็จ เพราะกลัวยืนนานแล้วปวดตัว คุณแม่แก่แล้วก็ต้องขึ้นมาดูเป็นระยะๆที่ห้อง
อ้อ ที่สำคัญยกอะไรไม่ได้เลย เช่น ตัวเองเป็นคนต้องสระผมทุกวันและต้องไดร์ผมให้แห้ง สรุป คือ แอมถือไดร์ไม่ได้ คือเอาจริงๆนะนั่งร้องไห้หน้าตู้เสื้อผ้าเลย เพราะเราเจ็บมากด้านซ้าย แต่ด้านขวาก็อ่อนแรงด้วย คือกล้ามเนื้อมันก็ลิ้งค์ถึงกัน สรุปมีเพื่อนใจดีคุณริว และน้องบอล กรุณามาตัดผมให้ที่บ้าน เพราะจะได้แห้งเร็วๆ ตัดสั้นจนแม่ตกใจเลยทีเดียว แต่สบายหัวมาก เริ่มชอบมากๆแล้ว
ทุกคนอาจสงสัยว่านอนอยู่บนเตียงเบื่อไหม ทำอะไร ก็จริงๆ แนะนำให้ฟัง audio books นะ ใน Youtube มีอยู่หลายอัน ได้ความรู้หลากหลาย สนใจเรื่องอะไร search ไป ขึ้นมาหมด ที่เราดูเยอะๆก็เป็นเรื่อง anatomy คืออยากเข้าใจว่าทำไมกล้ามเนื้อเรามันยึดติดขนาดนี้ และไอ้โรคที่เราเป็นอยู่นีเค้ารักษากันอย่างไรบ้าง ส่วน Instagram ที่ดูเยอะมากก็พวกออกกำลังกาย Pilates และ พวก Rehab ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เราคิดว่ามันจำเป็นที่เราควรจะเรียนรู้เรื่องกล้ามเนื้อหรืออาการเจ็บป่วยด้วยตัวเองด้วย คือไม่ต้องรอถามคุณหมออย่างเดียว เมื่อเราได้เข้าใจกายวิภาคเบื้องต้นบ้างแล้ว (ซึ่งข้อมูลเต็ม Youtube และ Google เลยค่ะ)
Youtube ของคุณหมออลัน แมนเดล พูดเรื่องกระดูก คอ เรื่องเกี่ยวกับกระดูก เรื่องการเดิน การยืน การนอนที่ดี ควรต้องทำเช่นไร เข้าไปเลือกวีดีโอดูได้เลยค่ะ ดีมากๆ https://www.youtube.com/channel/UCKcWSiffY8MpZ3NKav8LeRA
สำหรับใครชอบของไทย ก็มี ความรู้เกี่ยวกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลังคด office syndrome กล้ามเนื้ออักเสบตรึงตัว
https://boringdoc.blogspot.com/
คุณดูน อรรณพ สอนให้ทำกายภาพด้วยตัวเอง
https://www.youtube.com/channel/UCOp6P63IapM-1XWVCcxFxew
อยากจะเล่าเรื่องการทำกายภาพที่โรงพยาบาล
เนื่องจากได้ทำกายภาพมา 1 เดือนเต็มๆ ทำ 6 วันต่อสัปดาห์ ที่ รพ. ก็มีความรู้สึกว่า เอ๊ะทำไมทำมา1 เดือนนี่มันดีขึ้นแบบ 40-50% เอง ทำไมยังนั่งรถนั่งตรงมาทำกายภาพไม่ได้ ทำไมยังต้องนอนราบเอนเบาะมาทุกวัน และขณะที่นั่งมากล้ามเนื้อก็เกร็งและปวดตลอดเวลา นี่เป็นสาเหตุที่เราใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติไม่ได้เลย ก็มีการคุยกับนักกายภาพตลอด ซึ่งมีการตั้งเป้าว่า 3 เดือนเราต้องดีขึ้น แต่เริ่มรู้สึกว่าการดึงคอเกือบทุกวันของเรา เมื่อกลับบ้านมา ทำให้เรามีอาการปวด และ ไม่ค่อยจะดีขึ้นเท่าที่ควร ซึ่งระหว่างนั้น ก็มีน้องๆพี่ๆที่รักกันก็มาเยี่ยมถามไถ่ ว่าอาการเป็นอย่างไร ซึ่งที่จะกล่าวนี้ก็ต้องขอขอบคุณน้องจินนี่ที่แนะนำให้รู้จักกับคุณหมอนที สุขเกษมสุวรรณ ซึ่งคุณหมอจบการแพนทย์แผนไทยประยุกต์ และได้เรียนรู้ศาสตร์วิชาการรักษาเรื่องกระดูกและกล้ามเนื้อมาอย่างเชี่ยวชาญ
เราได้ทำกายภาพที่รพ.เปาโลจริงจังตลอดเดือน มกราคม 2560 และได้ไปพบแพทย์ที่ รพ.ศิริราชปิยะมหาราชการุณย์ในวันที่ 21 มกราคม ซึ่งจริงๆเนี่ย ยังนั่งรถเข็นเข้าไปหาหมอตลอด เพราะเดินมากไม่ได้ จะทำให้อาการปวดเกร็งกลับมาและร้าวทั้งแขนและสะบัก ประกอบกับแขนก็ชาอีก เลยไปกันใหญ่ แต่การตั้งคอดีขึ้น คุณหมอก็ให้ยาบำรุงปลายประสาท และตกลงกันว่าจะทำกายภาพบำบัดต่อไป และจะยังไม่ตัดสินใจผ่ากระดูกที่ต้นคอ (ซึ่งจริงๆก็ตั้งธงไว้อย่างนั้น) แต่พอเราทำกายภาพไปสักเดือนกว่าๆ เข้าต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก็มีความรู้สึกว่า เอ๊ะ หรือเราจะตัดสินใจผ่าตัดดี เพราะนี่คือเราไม่สามารถเดินเหินได้สะดวกเลย คอก็ตั้งนานไม่ได้ ทำให้เจ็บ ชีวิตก็ต้องลำบากต้องมีคนดูแล
เราก็เริ่มหาข้อมูลทางอินเตอร์เนต (ด้วยมือข้างเดียวนี่แหละ) หลายคนสงสัยว่ามือซ้ายชาแล้วจับ smartphone อย่างไร ก็เราไม่ได้จับงัย เพราะสามีประดิษฐ์ที่จับโทรศัพท์ขณะที่เรานอนราบได้ โดยใช้ไม้เซลฟี่มัดกับขาตั้งโคมไฟโต๊ะทำงานที่ตั้งพื้น ทีให้เรานอนราบและมองโทรศัพท์ โดยใช้มือขวาในการบังคับ smartphone เราก็หาว่าการแพทย์ทางเลือกเป็นอย่างไร รักษาโดยวิธีการอะไร คือเราทำหมดเลยนะ แช่ตัวดอกเกลือกับน้ำอุ่น ต้องขอบคุณพี่สาวที่เรารักที่สุดที่อุตส่าห์แวะไปหาหมอนที และรีบโทรมาบอกให้เรานัดหมอ เราน่ะอยากไปหาหมอนที สุขเกษมสุวรรณ มากๆๆๆๆ แต่เนื่องจากว่า อันนี้คิดเองนะ ว่าทุกเช้าเราต้องทำกายภาพที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายเราต้องกวนคนที่บ้านไปส่งที่คลีนิคคุณหมออีก เราก็เกรงใจมากแล้ว พี่สาวเราไปหาคุณหมอก่อน ซึ่งเราก็อยากให้พี่เราไปหาเพราะพี่เราพักอยู่รัชดา ซึ่งใกล้กับคลีนิคคุณหมอมากๆ
รุ่งขึ้นเราได้พบกับคุณหมอนที แต่อยากบอกอาการก่อนไปหาคุณหมอก่อนนะคะ ว่าเราปวดบ่ามาก เป็นไมเกรน ซึ่งเอาจริงๆ เราไม่สามารถเดินไปอาเจียนที่ห้องน้ำได้ เราต้องอาเจียนที่ถังข้างๆเตียง คือก่อนหน้านี้คุณหมอที่ รพ.ศิริราชปิยะฯ ก็บอกว่า เพราะกล้ามเนื้อบ่ามันทับรัดตัว เลือดมันไหลเวียนไม่ดี ก็ทำให้เราปวดหัวได้
เรามีนัดกับคุณหมอนที วันที่ 8 กพ. 60 ที่บ้านคุณหมอประมาณ 1 ทุ่ม ซึ่งอยากจะบอกว่ามันคือ 50 minutes Miracle เพราะว่าพอคุณหมอจับเส้นเราเสร็จ อาการไมเกรนที่เป็นอยู่หายปลิดทิ้ง และเราสามารถตั้งคอโดยไม่มีอาการเจ็บถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งก่อนหน้านี้ เราตั้งคอได้แค่ 5-10 นาทีเท่านั้น คือตอนจ่ายค่ารักษาเสร็จ เรามายืนหน้าร้านคุณหมอแบบ งง ช๊อค อีก 5 นาที รีบบอกพี่สาว กับสามีว่า แอมเหมือนหายแล้วเลย นี่ไมเกรนแอมก็หาย กล้ามเนื้อเบาตัวไปหมด ที่สำคัญมันไม่เจ็บเลยตอนที่คุณหมอจับเส้นที่ตัว เหมือนเอานิ้ว ดีๆๆสะกิดๆๆ
Kommentare